วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทักษิณ คุณทำตัวเองใช่ไหม! (เฉลิมชัย ยอดมาลัย)

นายครับ เอาอีกแล้วครับ
ผมเอามาฟ้องนายครับ เรารักทักษิณ ไม่พอใจจริงๆ

ระยะนี้คนไทยที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองจะพบเห็นข่าวของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร (ขอย้ำคำว่านายทักษิณ เพราะบุรุษผู้นี้ทำผิดกฎหมายอาญาและคดีความสิ้นสุดแล้ว ดังนั้นจึงต้องถูกถอดถอนยศพันตำรวจโทจากคำนำหน้านาม) จากสำนักข่าวต่างประเทศอยู่เสมอๆ แม้นายทักษิณจะพ้นจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว 2 ปีเศษ

คนทั่วไปอาจจะสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมบุรุษผู้ประกาศตนว่ารักชาติ รักประชาชนและรักสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยยิ่งกว่าคนไทยคนอื่นๆ ทั้งแผ่นดิน จึงยังทำตัวให้ปรากฏเป็นข่าวได้อย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งประหลาดสำหรับผู้ที่เข้าใจกลยุทธ์และรูปแบบการต่อสู้ทางการเมืองเป็นอย่างดี เพราะนี่คือกรรมวิธีอย่างหนึ่งของคนที่ยังยึดติดและหลงใหลอยากจะได้อำนาจรัฐ ซึ่งอาจจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นพวก ลมบ่จอย ลอยบ่จม

หากท่านยังจำได้ก็จะพบว่าเมื่อช่วงปลายปี 2551 ก็มีข่าวจาก The Straits Times ของสิงคโปร์ ฉบับวันที่ 26 ธันวาคม 2008 รายงานว่า Down to his last US$500 m, Former PM hit by global slowdown, so US$2 billion frozen in Thai banks is now more important

เนื้อหาโดยสรุปของข่าวนี้คือ ทักษิณกำลังประสบปัญหาด้านการเงินเพราะมีเงินเหลือน้อยแค่เพียง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลเหตุที่ทำให้เงินหดหายไปมากก็เพราะไม่ประสบผลสำเร็จในการลงทุน แถมยังถูกทางการประเทศอังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ยึดทรัพย์ด้วย

ข่าวบอกด้วยว่าทักษิณสูญเสียเงินไปกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศและการเก็งกำไรในกิจการต่างๆ เช่น ตลาดซื้อขายสินค้าและตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง

ที่น่าสนใจคือข่าวระบุชัดเจนว่า รัฐบาลของประเทศอังกฤษได้สั่งอายัดทรัพย์สินมูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐของนายทักษิณ หลังจากออกคำสั่งเพิกถอนวีซ่าของนางพจมาน ดามาพงศ์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 จนเป็นเหตุให้นายทักษิณต้องขายกิจการสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้กับกลุ่มนักลงทุนชาวอาหรับ

ส่วนเนื้อข่าวตรงนี้ยิ่งทำให้คนไทยและประชาคมโลกเข้าใจและรู้ธาตุแท้ของนายทักษิณดียิ่งขึ้น คือกรณีที่ระบุว่า ทรัพย์สินที่ถูกอายัดคือทรัพย์สินที่ถูกฝากไว้ในสถาบันการเงินต่างๆโดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นทำการแทนและใช้บริษัทในต่างแดนอีก 20-25 แห่ง เพื่อดำเนินธุรกรรมด้านการเงิน และนำเงินไปฝากไว้ในธนาคารสวิสและธนาคารเอกชนอีก 3 แห่งใน เจนีวา โดยที่เงินบางส่วนคือเงินกู้ ที่ยังมีปัญหาทางกฎหมาย

คนไทยทั้งประเทศจำได้ดีว่านายทักษิณเคยกล่าววาจาหนึ่งไว้คือ บกพร่องโดยสุจริต และยังทราบซึ้งดีว่าบุรุษรายนี้เอาทรัพย์สินจำนวนมหาศาลไปซุกซ่อนไว้ภายใต้ชื่อของคนใช้ คนขับรถ คนทำสวน และแม่บ้านของตน

แถมล่าสุดยังมีข่าวจากหนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun ของญี่ปุ่นในเชิงที่ว่า ขณะนี้นายทักษิณไม่สามารถทำตัวหรูหราได้อีกต่อไป โดยต้องพักอาศัยอยู่ในโรงแรมราคาคืนละประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น

แม้จะยังไม่ปักใจเชื่อข่าวสารล่าสุดจากญี่ปุ่น แต่ก็พอจะได้เค้าลางว่า ขณะนี้ทรัพย์สมบัติของนายทักษิณกำลังร่อยหรอลงไป ส่วนอำนาจและบารมีนั้นหมดสิ้นจนไม่มีสิ่งใดเหลืออีกแล้ว เหตุวิบัติเช่นนี้นายทักษิณคงตอบได้แล้วว่า ใครคือต้นเหตุ

วันที่ 24/1/2009

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เชิญแสดงความคิดเห็น....